วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

(Review) FLIPPED (2010) - หวานนักวันรักแรก - หนังรักที่ทำให้ตกหลุมรักอย่างฉุดไม่อยู่


FLIPPED
หวานนักวันรักแรก

ภาพยนตร์รัก ที่จะทำให้หัวใจของคุณกระชุ่มกระชย
ถ้าถามว่ารู้จักหนังเรื่องนี้ได้อย่างไร ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อของมันมาก่อน อาจเป็นเพราะในปีที่หนังเรื่องได้ฉาย ผมไม่ได้มีความสนใจในเรื่องของภาพยนตร์เลย แต่แล้ววันนึงพี่ผมก็ฝากซื้อหนังเรื่องนี้ แล้วมันก็ไม่ดูสักที ผมเลยหยิบมาดูซะเลย



หนังเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในหนังที่ผมดูแล้วหาข้อติไม่ออกเลย แต่การรีวิวของผมก็ต้องเค้นมันออกมาให้ได้ แม้ที่ติของมันจะมีอยู่น้อยนิดก็ตาม ไม่รู้เพราะผมลำเอียงรึเปล่า แต่หัวใจของผมมันเต้นในจังหวะรัก (เหมือนเพลงพี่บี้) ดูหนังแนวเด็กๆรักกัน ครั้งสุดท้ายคงจะแฟนฉัน (โอ้โห โคตรนาน) ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า คำติของเรื่องนี้มันจะเบาบางมาก และแนะนำว่าคะแนน Imdb หรือ metascore จะทำอะไรคุณไม่ได้ ถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆ...


จะขอพูดถึงแนวเรื่องก่อนเลยละกัน เนื้อเรื่องของเรื่องนำเสนอได้ไม่เหมือนใคร คือนำเสนอมุมมองของทั้งตัวเอกชาย และ หญิง เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์จะได้เห็นฝั่งชายและฝั่งหญิงคิดอย่างไร ด้วยการนำเสนอแบบนี้ ทำให้ตัวหนังไม่น่าเบื่อ และน่าติดตามจนจบเอามากๆ

เนื้อเรื่องคร่าวๆ สาวน้อยจูลี่ ตกหลุ่มรักหนุ่มน้อยไบรซ์ตั้งแต่แรกพบ ไบรซ์ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ตรงกันข้ามกับบ้านของเธอ นั่นทำให้เธอตกหลุมรักเขาแต่แรกพบ แต่ไบรซ์เองก็ไม่ได้แน่ใจอะไร เวลาผ่านไปทำให้หัวใจของทั้งสองเริ่มผันแปร ความรักที่น่ารักบังเกิด ตามสเต็ปพ่อแง่แม่งอน เป็นหนังครอบครัวที่คุณจะต้องจดจำ ความโรแมนติคสไตล์เด็กที่กำลังเข้าช่วงวัยรุ่น และความดราม่าอ่อนๆที่จะทำให้คุณหลงรัก



เนื้อเรื่องย้อนไปในยุค 50's ปลายๆ จนถึง 60's ต้นๆ มันคือช่วงเด็กและช่วงวัยรุ่นนั่นเอง หนังนำเสนอได้คลาสสิค สีฟิล์มแบบยุคเก่า การเปลี่ยนทรานซิชั่นแบบบ้านๆแต่คลาสสิค นั่นทำให้หนังเรื่องนี้ดูเรียบๆ แต่น่าสนใจ

หลายคนคงไปเซิร์ชหาใน Wikipedia และ Imdb จะสังเกตได้ว่า Box Office ค่อนข้างขาดทุน (ไม่แหละ ขาดทุนเลยในอเมริกาแต่ทั่วโลกไม่รู้) คะแนนจากผู้ชมค่อนข้างสูง แต่คะแนน Metascore เรียกได้ว่าน้อยมาก ก็ไม่แปลก เพราะตัวหนังมันเน้นความน่ารัก ไม่ได้ใส่รายละเอียดอะไรมากมาย

ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม theme ของเรื่องถึงได้นำเสนอปี 50's-60's ทั้งที่มันก็ไม่ได้สำคัญว่ามันจะอยู่ในยุคไหนด้วยซ้ำไป เนื้อเรื่องแบบนี้จะเอามาใส่ในปี 2010 ที่หนังจะฉายก็ได้ เพราะไม่ได้จุดที่เชื่อมมาสู่ปีปัจจุบัน แต่ผู้สร้างอาจจะชอบยุคนั้น เลยเลือกเอามาใส่ก็เป็นได้ 

สังเกตได้จากบ้านอารมณ์คลาสสิค จอทีวีเก่าขลัง


รายละเอียดของหนังที่บ่งบอกว่าเป็นยุคนี้ก็ใส่เข้ามาประปราย เรียกได้ว่าไม่ได้เน้นกับยุคของตัวเองเลย ทำให้เราไม่เห็นความสำคัญของช่วงเวลาที่นำเสนอ จนบางทีตอนที่ดูก็ไม่ได้สนใจเลยว่าอยู่ในปีไหน แค่มีไปงั้นๆมากกว่า

อารมณ์ตอนดูหนังเรื่องเรียกได้ว่าชอบมาก จากที่อาทิตย์นี้หมดอารมณ์ดูมาทั้งอาทิตย์ ดูหนังก็ไม่ค่อยจะจบสักเรื่อง พอมาดูหนังแนวนี้ ไม่ต้องคิดมาก มันน่ารัก และทำให้ผมอยากมีความรักขึ้นมาเลย รูปแบบการเสนอความคิดของทั้งสองฝ่ายสลับไปมา เปลี่ยนมุมมองไปมา นี่แหละ ที่มาของชื่อเรื่อง "FLIPPED" (ซึ่งแปลว่า พลิก) ตัวหนังพลิกมุมมองไปมา ทำให้เราได้เข้าใจความคิดของทั้งสองฝ่าย ว่าในแต่ละสถานการณ์ ทั้งสองคนคิดยังไงแบบไหน เพราะความแหวกแนวตรงนี้ เลยทำให้ผมไม่เบื่อ (อาจจะมีเรื่องอื่นทำมาก่อนแล้ว แต่ก็น้อยเรื่องที่จะทำแบบนี้) 

ความดราม่าของเรื่องมีแซมเข้ามาเล็กน้อยในเรื่องของปัญหาครอบครัว มันไม่ใช่ปัญหาที่หนักหน่วง แต่ก็พอทำให้เข้าใจลึกซึ้งในเรื่องแบบนี้ เรียกได้ว่ามันถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีพอสมควร

ในจุดรายละเอียดต่างๆถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นความคิดของเด็กสาวและชายหนุ่ม ว่าเขาควรจะคิดอย่างไร บวกกับตัวหนังที่มีความยาวที่เหมาะสม เพียง 1 ชั่วโมง 30 นาที ทำให้ตัวเรื่องรวบรัดและไม่ยืดเยื้อ 



เพียงแค่ผมได้ดู มันก็คงจะประทับใจไปอีกนาน ผมขอแนะนำให้ไปหามาดูสักครั้ง และคุณจะต้องชอบ มันอาจไม่ทำคุณอินเท่าหนังรักบ้านเรา เพราะเป็นวัฒนธรรมที่คุ้นเคย แต่หนังเรื่องนี้จะทำคุณตกไปอยู่ในห้วงของความรัก และความน่ารักอย่างแน่นอน

Mad Score! : 7.5/10
ดูแล้วใจอบอุ่น กลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งหัวใจ  
   

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

(Review) Magic in the Moonlight รักนั้นพระจันทร์ดลใจ


Magic In The Moonlight
รักนั้นพระจันทร์ดลใจ

ภาพยนตร์ที่ได้นักแสดงชื่อดัง แต่ทำไมหนาทำไม มันถึง "แป้ก"
ต้องขอเกริ่นก่อนเลยครับ เนื่องจากวันนี้แดดแรงแสงดี มีกำลังใจจะดูหนังมาก วันนี้เลยเช็ครอบหนังของสกาล่า บังเอิญเรื่องนี้เข้าฉาย เราเองก็ไม่รู้จะดูอะไร โอเค เรื่องนี้ Emma Stone เล่น ต่อให้หนังมันห่วย อย่างน้อยเราก็ชอบนางเอกแหละวะ!!

หลายคนถาม เอ๊ะ นี่มันหนังแนวไหนกันล่ะหว่า โรแมนติค ดราม่า คอมเมดี้ ผมขอตอบตรงนี้เลยนี้เลยครับ ว่ามันมีทุกอย่าง แต่มันไปไม่สุดเลย "สักกะทาง" มันจะโรแมนติค มันก็โรแมนติคไม่สุด มันจะดราม่า มันก็ไม่รู้สึกอินซะเลย มันคอมเมดี้ มันก็ไม่ได้มีมาให้ขำบ่อยนัก

แต่คือความรู้สึกที่มีหนังเรื่องนี้คือ "รู้สึกดี" เรามาหาข้อดีข้อเสียของหนังเรื่องนี้กันดีกว่า


จะเริ่มติชมเลยก็รีบไป จะอ่านรีวิวมันก็ต้องอ่านพล็อตก่อนถูกไหม? 


เรื่องราวของ “สแตนลี่ย์” ( โคลิน เฟิร์ธ ) หนุ่มนักมายากลชาวอังกฤษ ที่มีอีกอาชีพคือการเปิดโปงนักต้มตุ๋น  เขาได้รับคำขอร้องจากเพื่อนให้เดินทางไปที่คฤหาสน์หรูทางใต้ของฝรั่งเศส เพื่อเปิดโปง “โซฟี” ( เอ็มม่า สโตน ) หญิงอเมริกันที่อ้างว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ สแตนลี่ย์พยายามเข้าไปตีสนิทกับโซฟี เพื่อจะจับพิรุธได้แบบคาหนังคาเขา แต่ยิ่งเขารู้จักเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเชื่อในสิ่งที่เธอกล่าวอ้าง และยิ่งไปกว่านั้น เหมือนว่าเขากำลังจะตกหลุมรักเธอซะด้วย…ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศชวนฝันของ เมืองตอนใต้ของฝรั่งเศส เพราะสเน่ห์ในตัวเธอ หรือจะเพราะพระจันทร์มาดลใจ….นำแสดงโดย “เอ็มม่า สโตน” จาก The Amazing Spiderman และ “โคลิน เฟิร์ธ” จาก Love Actually

 cr. Major Cineplex
(ถ้าจะถามว่าทำไมต้องไปของเขามา กลัวว่าเขียนเองมันจะสปอย)


เอาล่ะ มาเริ่มดูวิจารณ์กันเลยดีกว่า

เนื้อเรื่องของเรื่องนี้เป็นพล็อตแบบบ้านๆ ธรรมดาๆ ที่แฝงไปด้วยความน่าสนใจ เหตุที่ผมมาดูหนังเรื่องนี้เพราะอะไร? ไม่ใช่เพราะ Emma Stone เพียงคนเดียวแน่นอน ผมเองก็เคยดูผลงานของ Colin Firth มาก่อนในเรื่อง Love Actually บทบาทของเขาในเรื่อง เรื่องของเป็นเรื่องที่ผมชอบมากที่สุด เมื่อทั้งสองมาพบกัน มันก็ดูน่าสนใจ บวกกับตัวเรื่องที่น่าจะเป็นหนังที่ไม่น่าจะต้องคิดอะไรเยอะเวลาดู ผมจึงเสีย 80 บาท (เหมือนจะเยอะ 555) แล้วเดินเข้าโรง

ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ทัน 10 นาทีแรก เพราะวิ่งไปไม่ทัน คิดว่ามันจะโฆษณานานกว่านี้เลยชะล่าใจ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ เลยทำให้ยังดูหนังรู้เรื่องอยู่

เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ ดำเนินไปแบบสบายๆ ไม่เครียด ก็อย่างว่าข้างต้นแหละครับ มันเป็นหนังที่ทำให้รู้สึกดี เพราะด้วยเสียงเพลงแจ๊ส และเสียงดนตรีแบบสมัยเก่า ทำให้หัวใจของผมมันกระชุ่มกระชวยไปกับการดู แต่แค่เพลงมันไม่ได้ช่วยให้การดูมันราบรื่นเสียทั้งหมดหรอกนะครับ เนื้อเรื่องเองก็สำคัญ

เพราะเนื้อเรื่องที่ไม่ไปสักทางของเรื่องนี้ ทำให้ผมหัวเสีย ผู้กำกับใส่รายละเอียดกับเนื้อเรื่องน้อยเกินไป จนทำให้บางฉากที่ควรจะได้อารมณ์มากกว่านี้ มันก็ไม่ได้ มันกึ่งๆทำให้แอบๆขัดใจ เนื้อเรื่องต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเวลาของหนังที่มีเพียงชั่วโมงครึ่งกว่าๆ แต่จะบอกว่าถ้านานขึ้นมันจะดีขึ้นเหรอ ตอบได้ว่า "ไม่เลย" ถ้ามันนานกว่านี้ จะยิ่งน่าเบื่อหนักเข้าไปอีก ชั่วโมงครึ่งกว่าๆนี้ ถือว่ายังน่าเบื่อไปนิดหน่อยด้วยซ้ำไป


ความรักที่รวดเร็ว แต่ยังพอมีเหตุผล ตัวหนังทำให้รุ้ว่าความรักมีความนานอยู่พอสมควร แต่ดันไม่ใส่รายละเอียดให้มากขึ้น แบบที่ว่าพอจะเข้าใจ ว่าทำไมความรักจึงเบิกบาน เอาจริงๆก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดบอกเลย มันก็มี แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันเท่าไหร่ 

ความดราม่าของหนัง ควรจะเพิ่มให้มากกว่านี้ เพื่อที่ว่าตัวละครบางตัวที่น่าจะมีความสำคัญอยู่บ้างจะได้พอมีบท เนื้อเรื่องมันดำเนินง่ายไป ง่ายจนรู้สึกว่า การจัดการความรักที่ไม่มั่นคง การเปลี่ยนความรู้สึก การจัดการเรื่องยากๆ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ นี่คือเหตุที่ว่าทำไมผมไม่อินเลย

โรแมนติค ใช่เรื่องนี้มี แต่เป็นความโรแมนติคจางๆ ที่ใส่ความรู้สึกเข้าไปเพียงน้อยนิด ทำให้เราไม่รู้สึกถึงความรู้สึกที่ควรจะได้เวลาดู แต่ก็พอจะทำให้ยิ้มได้ทั้งเรื่อง 



การจะทำเนื้อเรื่องให้ดูน่าสนใจโดยการเปิดเผยความจริงในตอนหลัง ก็ไม่ได้น่าตื่นเต้น อาจเพราะผู้กำกับไม่ได้อยากจะใส่รายละเอียดกับตรงนี้มากเท่าไหร่ เป็นแค่จุดเชื่อมเฉยๆ ซึ่งผมเองก็คาดๆไว้ตั้งแต่แรก 

แสงสีของหนัง มุมกล้อง ทำออกมาได้ดีมากๆ ผมยิ้มตลอดทั้งเรื่องเพราะฉากที่สวยงาม พร็อพที่ตรงสมัย แสงแดดอ่อนๆที่กระทบตาอย่างละไม่ได้ หนังเรื่องมีเสียงเพลงและฉากที่ดี ทำให้ผมประทับใจในจุดนี้ 

โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นหนังที่คุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าของคุณ คุณจะไม่เสียดายที่ได้ดู แต่คุณอาจไม่รู้สึกว่ามันพีคเหมือนหนังรักชื่อดังที่คุณเคยดู แต่คุณจะต้องยิ้มเพราะหนังเรื่องนี้ ความน่ารักของ Emma Stone และนิสัยที่ Colin Firth แสดงออกมาได้ดีกับตัวละครนี้
Mad Score! : 5.5/10
คุ้มค่าแก่การดู แต่ไอ้หนู แกยังดีไม่พอ 

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สวัสดีครับ

สวัสดีครับ คนบ้าหนังทั้งหลาย

แหม่ ชื่อบล็อคก็ไม่ธรรมดาแล้ว เจ้าของบล็อคไม่ธรรมดากว่า

ก็คงไม่ต่างอะไรจากบล็อครีวิวหนังทั่วไป แต่ผมก็จะรีวิวสไตล์ของผมเอง  แล้วสไตล์ผมเองมันดียังไง?

ผมก็ไม่รู้ ก็ดูเอาแล้วกัน

ส่วนตัวผมเองก็ชอบซื้อหนังมาดูเรื่อยๆ ไม่ใช่คนติดตามในโรงตลอดเวลา อาจจะมีหนังนอกกระแสมาบ้างเสียส่วนใหญ่

ใครชอบไม่ชอบยังไงก็ติดตามเอาละกันครับ ห้าห้าห้า

ผมจะพยายามทำให้มันน่าสนใจละกันครับ ละก็บอกอีกอย่างนึงคือ ถ้าขี้เกียจก็ไม่อัพเดทนะครับ แล้วแต่ความขยัน แต่ก็คงลงเรื่อยๆ 555555

ไปละครับ มาอธิบายแค่นี้ก่อน ผลงานก็ตามดูเอา